ชื่อเรื่อง
การพัฒนาทักษะด้านการคิดคำนวณโดยใช้ชุดการสอนเรื่องการแปรผันของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม โรงเรียนเทคโนโลยีชลบุรี
ชื่อผู้วิจัย นายอานนท์ ทองมาก
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
การศึกษาหมายถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่บุคคลนำมาใช้ในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ เจตคติ
ความประพฤติที่ดีมีคุณค่า และมีคุณธรรมเป็นที่ยอมรับนับถือของสังคมทำให้บุคคลได้รับความรู้ความสามารถจากสิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนจัดขึ้นการถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้อย่างเป็นระเบียบให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาเป้าหมายสูงสุดของการเรียนคณิตศาสตร์ก็คือ การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และการนำไปใช้เป็นพื้นฐานการศึกษาวิชาชีพต่าง ๆ คณิตศาสตร์มิใช่เพียงต้องให้คิดคำนวณเกี่ยวกับตัวเลขเท่านั้น ในโลกยุคปัจจุบันเมื่อเราเรียนคณิตศาสตร์เราควรได้คุณสมบัติต่อไปนี้จากการเรียน 1. ความสามารถในการสำรวจ 2. ความสามารถในการคาดเดา 3. ความสามารถในการให้เหตุผล 4. ความสามารถในการนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาที่ไม่เคยพบได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัตินี้เรียกว่าศักยภาพทางคณิตศาสตร์ ( Mathematical Power ) ไม่ว่าเราจะมีอาชีพอะไรถ้าเรามีคุณสมบัตินี้ เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีศักยภาพทางคณิตศาสตร์
กระบวนการเรียนการสอนในปัจจุบันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ใช้สื่อมาช่วยสอนเสริม เพราะสื่อการสอนช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ดี จดจำเรื่องต่างๆได้มากขึ้นและนานกว่า ช่วยสร้างความสนใจให้กับผู้เรียน ช่วยเพิ่มทักษะในการเรียนรู้ ประหยัดเวลาในการเรียนการสอน เป็นเครื่องมือการเรียนการสอนและปฏิบัติงานทั่วไป ทั้งยังประหยัดกำลังและปริมาณครูผู้สอนเพิ่มผู้เรียนได้มากขึ้น นอกจากนี้สื่อการสอนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับผู้เรียน ทำให้เข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้เร็วขึ้น ช่วยพัฒนาความคิดและทักษะด้านต่างๆ
ชุดการสอนเป็นสื่อที่มีความหลากหลาย เป็นสื่อประสมที่จัดเตรียมไว้ให้สอดคล้องกับ เนื้อหาและประสบการณ์ของแต่ละหน่วยเนื้อหาวิชา (วรกิต วัดข้าวหลาม, 2542, หน้า 6) ซึ่งอำนวย เดชชัยศรี (2545, หน้า 44) ได้ให้ความหมายของชุดการสอนว่า หมายถึงระบบการนำ สื่อประสมที่สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาและประสบการณ์แต่ละหน่วย มาช่วยในการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เรียนแต่ละคนให้บรรลุจุดมุ่งหมาย นอกจากนี้เปรื่อง กุมุท (2518, หน้า 114-115) ได้กล่าวว่า ชุดการสอนเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องการกันมากประกอบด้วยเนื้อหาคู่มือครู และอุปกรณ์การสอนต่างๆ สำหรับการเรียนเรื่องนั้นๆอาจมีสื่อหลายอย่างมาจุนเจือกันตามแผนการสอนที่จัดระเบียบไว้ สื่อต่างๆนั้นจะทำให้ประสบการณ์การเรียนในหัวข้อนั้นกว้างขวางและลึกซึ้งยิ่งขึ้น การผลิตชุดการสอนครูผู้สอนควรคำนึงถึงความต้องการ ความถนัด ความสนใจของผู้เรียน และความแตกต่างระหว่างบุคคลโดยเน้นการจัดประสบการณ์ที่ใช้แหล่งความรู้จากสื่อการสอนแบบต่างๆ โดยครูจะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียนเพียงหนึ่งในสามของเนื้อหาทั้งหมด อีกสองส่วน ผู้เรียนจะศึกษาด้วยตนเองจากสิ่งที่ครูเตรียมในรูปแบบของชุดการสอน การสร้างสภาพแวดล้อมและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับผู้เรียน โดยยึดหลักจิตวิทยาการเรียนรู้และการเสริมแรงที่จะ ทำให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจ (ชัยยงค์ พรหมวงศ์, 2523, หน้า 119)
แต่จากประสบการณ์ในการจัดการเรียนการสอนคณิตสาสตร์ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม ของผู้วิจัยพบว่า นักเรียนบางส่วนยังขาดทักษะการคิดคำนวณ ไม่กล้าแสดงความคิด ขาดแรงจูงใจและไม่เห็นความสำคัญ เนื่องจากไม่มีโอกาสใช้ในชีวิตจริง ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะแก้ไขปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม โรงเรียนเทคโนโลยีชลบุรี โดยการนำสื่อการเรียนการสอนมาช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดทำชุดการสอน เรื่องการแปรผัน มาใช้ประกอบการจัดการเรียนการสอน ซึ่งจะก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง เพราะผู้เรียนได้ศึกษาจากสิ่งที่ใกล้เคียงกับความจริง ได้ปฏิบัติจริง เร้าความสนใจให้เกิดการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนโดยมีสื่อเป็นตัวกลาง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และจดจำ เสมือนเป็นตัวเชื่อมระหว่างครูและนักเรียน ส่งเสริมการกล้าแสดงออกในการใช้ทักษะรวมทั้งเน้นย้ำให้นักเรียนเห็นความสำคัญของคณิตศาสตร์ต่อชีวิตประจำวัน มิใช่เพียง การบรรยายจากครูผู้สอนเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เน้นการปฏิบัติจริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวันต่อไป จึงสนใจที่จะศึกษาการใช้ชุดการสอน เรื่องการแปรผันโดยผู้วิจัยหวังว่าผลจากการวิจัยครั้งนี้จะมีส่วนช่วยส่งเสริมคุณภาพการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพชุดการสอน เรื่องการแปรผันวิชาคณิตสตร์ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม โรงเรียนเทคโนโลยีชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80 / 80
2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้ชุดการสอน เรื่องการแปรผัน วิชาคณิตสตร์ ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนเทคโนโลยีชลบุรี จังหวัดชลบุรี
ประชากรเป้าหมาย
ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนเทคโนโลยีชลบุรีจังหวัดชลบุรีทั้งหมด 7 ห้องเรียน
รวมทั้งสิ้น 320 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียน โรงเรียนเทคโนโลยีชลบุรี จังหวัดชลบุรี
ปีการศึกษา 2551 ภาคเรียนที่ 1 ระดับชั้นระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม จำนวน 20 คน โดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) คือนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ60
จึงได้เลือกมาทำการวิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการนำไปใช้ในกลุ่มผู้เรียนกลุ่มอื่นต่อไป
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามี 2 ชนิด คือ
1. ชุดการสอน เรื่องการแปรผัน จำนวน 3 ชุด โดยจัดแบ่งเป็นชุดการสอนได้ 3 ชุด ดังนี้
ชุดที่ 1 เรื่อง การแปรผันตรง
ชุดที่ 2 เรื่อง การแปรผันแบบผกผัน
ชุดที่ 3 เรื่อง การแปรผันเกี่ยวเนื่อง
2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการแปรผันซึ่งเป็นแบบทดสอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ
2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการแปรผันซึ่งเป็นแบบทดสอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ
ขั้นตอนการดำเนินงานวิจัย
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็นการศึกษาค้นคว้ากึ่งทดลอง ผู้วิจัยค้นคว้าเป็นผู้ดำเนิน
การทดลองด้วยตนเอง ใช้เวลาทดลองในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 โดยใช้เวลา 6 ชั่วโมง
มีรายละเอียดในการศึกษาค้นคว้า ดังนี้
1. ทดสอบก่อนเรียน (Pre – test ) กับนักเรียนกลุ่มทดลองด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์กับนักเรียนระดับชั้นระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม ปีการศึกษา 2551 ภาคเรียนที่ 1 โรงเรียนเทคโนโลยีชลบุรีจังหวัดชลบุรี
2. ดำเนินการทดลองฝึกทักษะการคิดคำนวณด้วยชุดการสอน เรื่องการแปรผันจำนวน 3 ชุด โดยผู้ศึกษาทำการสอนด้วยตนเอง
3. ทดสอบหลังเรียน (Post – test ) กับนักเรียนกลุ่มทดลองด้วยแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ ฉบับเดียวกับที่ทดสอบก่อนเรียนกับนักเรียนระดับชั้นระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 แผนกช่างอุตสาหกรรม โรงเรียนเทคโนโลยีชลบุรีจังหวัดชลบุรี
การวิเคราะห์ข้อมูล
สถิติที่ใช้
การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ
1. สถิติพื้นฐาน ได้แก่
1.1 ร้อยละ ( Percentage ) ใช้สูตร (บุญชม ศรีสะอาด 2545 : 104 )
1.2 ค่าเฉลี่ย (Mean) โดยใช้สูตร (บุญชม ศรีสะอาด 2545 : 105 )
1.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( Standard Deviation) โดยใช้สูตร
ผศ.ภัทรา นิคมมานนท์ ( 2524 : 90 – 104 )
2. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาคุณภาพของเครื่องมือ
2.1 การหาค่าอำนาจจำแนก (Discrimination) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้สูตร B (บุญชม ศรีสะอาด 2545 : 90 )
2.2 การหาความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบทดสอบหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้วิธีของ Lovett ( บุญชม ศรีสะอาด 2533 : 172)
2.3 หาประสิทธิภาพของแบบฝึก / ใช้ในการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกโดยใช้สูตรของ (เผชิญ กิจระการ 2544.49)
2.4 หาค่าความเที่ยงตรงของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้สูตร ดังนี้
ค่าความสอดคล้อง IOC (สมนึก ภัททิยธนี . 2544 : 219 – 221 )
2.5 สถิติที่ใช้ทดสอบสมมุติฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติ t-test ( Dependent Samples) (บุญชม ศรีสะอาด 2545 : 112 )
2.6 สถิติใช้หาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึก โดยใช้ดัชนีประสิทธิผล (EI) คำนวณตามวิธีของ กูดแมน และชไนเดอร์ ในการหาดัชนีประสิทธิผล ( The Effectiveness Index)
(บุญชม ศรีสะอาด 2546 : 156)
|